ถั่วพีแคน ข้อมูลคุณประโยชน์และสิ่งควรรู้ก่อนรับประทาน

บทนำ

ถั่วพีแคน (Pecan) เมล็ดเล็กๆ ที่อัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย เราคงเคยเห็นมันผสมอยู่ในกราโนล่าหรือขนมอบกรอบต่างๆ ถั่วชนิดนี้หากนำไปอบจะให้สัมผัสกรุบกรอบ เคี้ยวเพลิน ทานเล่นได้เรื่อยๆ มีรสชาติหวานมันและกลิ่นหอมเฉพาะตัว  นอกจากความอร่อยแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ก่อนที่จะหยิบถั่วพีแคนมารับประทาน ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับถั่วพีแคนแบบจัดเต็ม ลักษณะ แหล่งที่ปลูก สารอาหารสำคัญ ประโยชน์ต่อสุขภาพ และข้อควรระวังในการทานถั่วพีแคนพร้อมแล้วไปดูกันเลย

สารบัญ

  • พาทุกคนไปรู้จักถั่วพีแคน
  • คุณค่าทางโภชนาการของถั่วพีแคน
  • ประโยชน์ต่อสุขภาพของการกินถั่วพีแคน
  • ถั่วพีแคนนิยมเอาไปประกอบอาหารอย่างไรบ้าง?
  • การกินถั่วพีแคนมีข้อควรระวังและผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
  • FAQ 5 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการกินถั่วพีแคน

พาทุกคนไปรู้จักถั่วพีแคน

ถั่วพีแคน (Pecan) เป็นถั่วชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะบริเวณทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโก ถั่วพีแคนมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Carya illinoinensis และอยู่ในวงศ์ Juglandaceae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับวอลนัท ถั่วพีแคนเป็นถั่วเม็ดโตที่มีเปลือกแข็ง รูปร่างยาวรี คล้ายกับวอลนัท แต่มีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย เปลือกมีลักษณะเป็นร่องตามยาว ส่วนเนื้อในมีสีน้ำตาลอ่อน รสชาติมัน หอม อร่อย เปลือกนอกของถั่วพีแคนมีลักษณะขรุขระและแข็ง มีสีน้ำตาลเข้มจนถึงดำ ส่วนเนื้อในมีสีครีมอ่อนหรือเหลืองนวลเมื่อแกะเปลือกออก จะเห็นเนื้อในแบ่งเป็น 2 ซีกสีขาวครีมน่ารับประทาน ถั่วพีแคนมีการปลูกอย่างแพร่หลายในหลายประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโก ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของโลก

แหล่งปลูกถั่วพีแคน 

สหรัฐอเมริกา เป็นผู้ผลิตถั่วพีแคนรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีการปลูกใน 15 รัฐ เช่น จอร์เจีย, เท็กซัส, โอคลาโฮมา, และนิวเม็กซิโก โดยเฉพาะจอร์เจียและนิวเม็กซิโกเป็นรัฐที่มีการผลิตมากที่สุด เม็กซิโกเป็นผู้ผลิตถั่วพีแคนรายใหญ่อันดับสองของโลก มีการปลูกถั่วพีแคนในหลายพื้นที่ของประเทศ

การปลูกถั่วพีแคนในประเทศไทย 

ในปัจจุบันประเทศไทยก็เริ่มมีการทดลองปลูกถั่วพีแคนในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากสภาพภูมิอากาศและดินที่เหมาะสม การปลูกถั่วพีแคนในประเทศไทยยังอยู่ในขั้นทดลองและวิจัย แต่มีแนวโน้มที่จะขยายตัวในอนาคตเพื่อเพิ่มทางเลือกในการบริโภคถั่วพีแคนในประเทศ

คุณค่าทางโภชนาการของถั่วพีแคน 

ถั่วพีแคนเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การรับประทานถั่วพีแคนในปริมาณที่เหมาะสมสามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่าหากเรารับประทานถั่วพีแคนใน 100 กรัม จะได้รับสารอาหารอะไรบ้าง

  • พลังงาน : ประมาณ 691 กิโลแคลอรี
  • โปรตีน : 9.17 กรัม
  • ไขมันทั้งหมด : 71.9-72 กรัม
  • ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว : สูง (เช่น กรดโอเลอิก)
  • ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน : มีน้อย
  • ไขมันอิ่มตัว : 6 กรัม
  • โพลีฟีนอล : 1520 มิลลิกรัม
  • คาร์โบไฮเดรต : 13.86 กรัม
  • ใยอาหาร : 9.6 กรัม
  • น้ำตาล : 4.3 กรัม
  • วิตามินและแร่ธาตุ
  • วิตามินเอ : 56 IU
  • วิตามินซี : 1.1 มิลลิกรัม
  • วิตามินอี : 24.44 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี1 (ไทอะมีน) : 0.660 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี2 (ไรโบฟลาวิน) : 0.130 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี3 (ไนอาซิน) : 1.167 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี5 (แพนโทธีนิกแอซิด) : 0.863 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี6 (ไพริดอกซิน) : 0.210 มิลลิกรัม
  • โฟเลต : 22 ไมโครกรัม
  • แคลเซียม : 70 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก : 2.53 มิลลิกรัม
  • โพแทสเซียม : 410 มิลลิกรัม
  • ทองแดง : 1.2 มิลลิกรัม
  • แมกนีเซียม : 121 มิลลิกรัม
  • สังกะสี : 4.53 มิลลิกรัม
  • เบต้า-แคโรทีน : 29 ไมโครกรัม
  • ลูทีนและซีแซนทีน : 17 ไมโครกรัม

ประโยชน์ต่อสุขภาพของการกินถั่วพีแคน 

นอกจากรสชาติอร่อยและคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วนแล้ว การกินถั่วพีแคนยังให้ประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน แต่ก็ต้องทานในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่กับการมีวิถีชีวิตที่ดี เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ ในหัวข้อนี้เราจะมาบอกว่าการกินถั่วพีแคนมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

1. บำรุงหัวใจ

ถั่วพีแคนมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลดี (HDL) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ยังมีแมกนีเซียม โพแทสเซียม และแคลเซียมที่ช่วยลดความดันโลหิต

2. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

ถั่วพีแคนมีดัชนีน้ำตาลต่ำ ซึ่งหมายความว่าการรับประทานถั่วพีแคนจะไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความไวของอินซูลินและปรับปรุงการทำงานของเซลล์เบต้าในตับอ่อน ซึ่งมีความสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

3. ลดการอักเสบ

ถั่วพีแคนมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินอีและกรดโอเลอิก ที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งมีประโยชน์ต่อผู้ที่มีโรคข้ออักเสบและโรคเรื้อรังอื่น ๆ

4. บำรุงสมอง

การรับประทานถั่วพีแคนสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเสื่อมสภาพของสมอง เช่น อัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อม เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระและไขมันไม่อิ่มตัวที่ช่วยปกป้องเซลล์สมองจากการถูกทำลาย

5. ส่งเสริมระบบย่อยอาหาร

ถั่วพีแคนมีใยอาหารสูง ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารและป้องกันการท้องผูก นอกจากนี้ยังช่วยรักษาสุขภาพของลำไส้และลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร

6. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

ถั่วพีแคนมีวิตามินเอ วิตามินอี และสังกะสี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับการติดเชื้อและซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย

7. ป้องกันโรคมะเร็ง

ถั่วพีแคนมีปริมาณโพลีฟีนอลสูง โดยเฉพาะในส่วนของเมล็ดที่ถูกสกัดไขมันออกแล้ว ซึ่งมีสารโพลีฟีนอลหลายชนิด เช่น กรดแกลลิก คาเทชิน อีพิคาเทชิน กรดเอลลาจิก และอนุพันธ์ของกรดเอลลาจิก สารต้านอนุมูลอิสระในถั่วพีแคน จะสามารถช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งโดยการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งและลดความเสียหายของดีเอ็นเอ

ถั่วพีแคนนิยมเอาไปประกอบอาหารอย่างไรบ้าง?

ถั่วพีแคนสามารถนำมาใช้ในอาหารได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในอาหารคาว หวาน และของว่าง การเพิ่มถั่วพีแคนลงในอาหารไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรสชาติและเนื้อสัมผัส แต่ยังเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย

อาหารหวาน  [H3]

  • พายถั่วพีแคน : เป็นขนมหวานยอดนิยมโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยแป้งพายกรอบและไส้ถั่วพีแคนผสมกับน้ำเชื่อมและไข่
  • ไอศกรีม : ใช้เป็นท็อปปิ้งหรือส่วนผสมในไอศกรีมหลากหลายรสชาติ
  • เค้กและคุกกี้ : นิยมใส่ถั่วพีแคนในเค้กและคุกกี้เพื่อเพิ่มรสชาติและความกรอบ
  • ซินนามอนโรล : ถั่วพีแคนมักใช้เป็นส่วนผสมในไส้ของซินนามอนโรล
  • ถั่วพีแคนเคลือบน้ำตาล : เป็นของว่างยอดนิยม สามารถทานเล่นหรือใช้เป็นส่วนประกอบในขนมหวาน

อาหารคาว  [H3]

  • สลัด : นิยมโรยถั่วพีแคนลงในสลัดเพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางอาหาร
  • สปาเกตตี้และซุป : ใช้ถั่วพีแคนเพื่อเพิ่มความกรอบและรสชาติที่หลากหลาย

อาหารเช้าและของว่าง  [H3]

  • กราโนล่า : ถั่วพีแคนอบกรอบมักถูกใช้ในกราโนล่า รับประทานคู่กับนม โยเกิร์ต หรือผลไม้สด
  • ซีเรียลและโยเกิร์ต : โรยถั่วพีแคนบนซีเรียลหรือโยเกิร์ตเพื่อเพิ่มความกรอบและคุณค่าทางอาหาร
  • สมูทตี้ : นำถั่วพีแคนไปปั่นรวมกับผลไม้ชนิดต่าง ๆ เพื่อทำเครื่องดื่มสมูทตี้

การกินถั่วพีแคนมีข้อควรระวังและผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

แม้ว่าถั่วพีแคนจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังและผลข้างเคียงบางประการที่ควรทราบก่อนรับประทาน เพื่อให้การกินถั่วพีแคนเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ประโยชน์สูงสุด ถึงแม้ถั่วพีแคนจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม เลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และระมัดระวังหากมีประวัติแพ้ถั่วหรือมีปัญหาสุขภาพบางอย่าง ซึ่งเรามาดูกันว่ามีอะไรที่ต้องระวังบ้าง

อาการแพ้

• ถั่วพีแคนเป็นหนึ่งในถั่วที่มีโอกาสก่อให้เกิดอาการแพ้สูง โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการแพ้ถั่วประเภทยืนต้น ผู้ที่มีประวัติแพ้ถั่วชนิดอื่นๆ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ อาการแพ้อาจรุนแรงถึงขั้นเกิดภาวะแอนาฟิแล็กซิส (Anaphylaxis) ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ปริมาณแคลอรี่สูง

• ถั่วพีแคนมีปริมาณแคลอรี่และไขมันสูง การรับประทานมากเกินไปอาจส่งผลต่อน้ำหนักตัว ควรจำกัดปริมาณการรับประทานให้เหมาะสม โดยทั่วไปแนะนำประมาณ 1 ฝ่ามือหรือ 30 กรัมต่อวัน

ปัญหาระบบทางเดินอาหาร

• การรับประทานถั่วพีแคนในปริมาณมากอาจก่อให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือท้องเสียได้ เนื่องจากมีปริมาณใยอาหารสูง

ปฏิกิริยากับยาบางชนิด

• ถั่วพีแคนมีวิตามินเคสูง ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาร์ฟาริน ผู้ที่รับประทานยาเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพิ่มปริมาณการรับประทานถั่วพีแคน

การปนเปื้อนของเชื้อรา

• ถั่วพีแคนอาจมีการปนเปื้อนของเชื้อราที่ผลิตสารพิษอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ควรเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้และเก็บรักษาอย่างถูกวิธี

การแปรรูปที่ไม่เหมาะสม

• ถั่วพีแคนที่ผ่านการแปรรูป เช่น อบเกลือ หรือเคลือบน้ำตาล อาจมีปริมาณโซเดียมหรือน้ำตาลสูงเกินไป ควรเลือกรับประทานแบบธรรมชาติหรือแปรรูปแบบไม่เติมเกลือหรือน้ำตาล

ปัญหาการย่อยอาหาร

• บางคนอาจมีปัญหาในการย่อยถั่วพีแคน โดยเฉพาะเมื่อรับประทานในปริมาณมาก ควรเริ่มรับประทานในปริมาณน้อยๆ ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้น

FAQ 5 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการกินถั่วพีแคน 

ถั่วพีแคนกับวอลนัทต่างกันอย่างไรในแง่ประโยชน์?

ทั้งสองชนิดให้ประโยชน์ใกล้เคียงกัน ทั้งโปรตีน ไขมันดี ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ถั่วพีแคนจะมีสารโพลีฟีนอลสูงกว่า ส่วนวอลนัทจะมีโอเมก้า 3 มากกว่า

ปกติแล้วเราควรกินถั่วพีแคนวันละกี่เม็ดดี?

ปริมาณที่แนะนำคือ 30-40 กรัมต่อวัน หรือประมาณ 1 กำมือ ไม่ควรกินมากเกินไป เพราะถั่วพีแคนให้พลังงานสูง

กินถั่วพีแคนแล้วอ้วนไหม?

ถ้ากินในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่กับการออกกำลังกาย จะไม่ทำให้อ้วน เพราะถั่วพีแคนให้ความอิ่มนาน ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ แต่หากกินมากเกินไปโดยไม่ได้เผาผลาญ ก็อาจเพิ่มน้ำหนักได้เช่นกัน

ถั่วพีแคนเอาไปทำอะไรได้บ้าง?

ถั่วพีแคนเป็นส่วนผสมยอดนิยมในขนมหวานและอาหารคาว เช่น คุกกี้ บราวนี่ ไอศกรีม ขนมปัง ซีเรียล สลัด ซุป หรือรับประทานเป็นของว่างก็ได้ รสชาติมันกรุบกรอบ เข้ากับอาหารหลากหลาย

เลือกซื้อถั่วพีแคนอย่างไรให้มีคุณภาพ?

ควรเลือกถั่วพีแคนที่มีเปลือกสมบูรณ์ ไม่แตกหัก มีสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม ไม่มีจุดดำหรือเชื้อรา และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้และมีการหมุนเวียนสินค้าสม่ำเสมอ เลือกถั่วพีแคนแบบไม่เติมเกลือหรือน้ำตาลหากต้องการประโยชน์ทางสุขภาพสูงสุด ตรวจสอบวันหมดอายุและเก็บรักษาในที่แห้ง เย็น และมืดเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา และเก็บในภาชนะปิดสนิท ไว้ในที่แห้งและเย็น เพื่อคงคุณภาพไว้ให้นานที่สุด

บทสรุป

จะเห็นได้ว่า ถั่วพีแคนเป็นอาหารธรรมชาติที่มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยโปรตีน ไขมันดี ใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ การรับประทานถั่วพีแคนเป็นประจำจึงมีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพ ลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่างๆ ทั้งโรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็ง และช่วยบำรุงสมองให้แล่นใส อย่างไรก็ตาม การกินถั่วพีแคนก็ควรกินในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากเกินไป เนื่องจากให้พลังงานสูง และควรระมัดระวังในกลุ่มคนที่แพ้ถั่ว หากมีข้อสงสัยใดๆ ก็ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกำหนดอาหารก่อนรับประทานถ้าพร้อมแล้ว ก็ลองหาถั่วพีแคนมาเป็นหนึ่งในอาหารเพื่อสุขภาพในชีวิตประจำวันดู หากชอบบทความนี้ ก็อย่าลืมติดตามบทความดีๆ จากเราต่อไป ขอให้ทุกคนสุขภาพดี! สำหรับผู้ที่ต้องการถั่วพีแคนคุณภาพ คัดสรรมาอย่างดี